สยามรัฐ

  1. กลในเกม !?

     
     บรรยากาศทางการเมืองในปีก “รัฐบาล” จำเป็นต้องปรับโหมดเพื่อเรียกความมั่นใจ กระชับทุกความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาโดยไว หลังจากที่ นโยบายหลักของรัฐบาล โดยเฉพาะ “พรรคเพื่อไทย” ที่ต้องเดินหน้าขับเคลื่อนให้ได้ แม้จะยังไม่มีใครรู้ว่า “สุดทาง” จะอยู่ที่ใด ?


     การประชุมครม. เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2567  “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง นำทีมแถลงข่าว หลังจากครม.มีมติให้ความเห็นชอบ ในหลักการโครงการแจกเงินหมื่น ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต  โดยรายล้อมด้วย แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลพร้อมหน้า ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ประชาชาติ  ชาติไทยพัฒนา  ท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่น 


     เพราะไฮไลท์ในการประชุมครม. ครั้งนี้อยู่ที่  “พรรคเพื่อไทย” ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล และยังเป็นเจ้าของนโยบายแจกเงินหมื่นที่ได้หาเสียงเอาไว้ ต้องได้รับการสนับสนุนจาก พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด  ไม่เช่นนั้นแล้ว การฝ่าด่านแรกคือ พรรคร่วมรัฐบาล อาจกลายเป็น “เรื่องยาก” ที่ทำให้พรรคเพื่อไทย เดินหน้าผลักดันการแจกเงินหมื่นมีอันต้อง “สะดุด” จากคนกันเอง 


     ด้วยเหตุนี้ ก่อนการประชุมครม. วันที่ 23 เม.ย. ปรากฏว่า นายกฯ เศรษฐา เชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล มาหารือ “หยั่งเสียง” กันล่วงหน้าเมื่อวันที่ 22 เม.ย.นัยว่าเพื่อสร้างความมมั่นใจว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะ “กอดคอ” กันไปด้วยกัน 


     อย่างไรก็ดี การเดินหน้าผลักดันโครงการแจกเงินหมื่น ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตของพรรคเพื่อไทย ยังมีขึ้นควบคู่ไปกับความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่น่าสนใจ นั่นคือการปรับครม. เตรียมเปิดฉากใหม่ไปสู่ “เศรษฐา 2”  !


     การขยับ ปรับเปลี่ยนเก้าอี้รัฐมนตรี ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ในห้วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าเกิดแรงกระเพื่อม ลุกลามไปถึง “โควตา” ของพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค ตามมาชัดเจน ทั้งกรณีที่มีข่าวว่า พรรคเพื่อไทยต้องการเก้าอี้ “ประธานสภาฯ” ที่มี “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” แกนนำพรรคประชาชาตินั่งทำหน้าที่อยู่ เพื่อเปิดทางให้ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” รมว.สาธารณสุขหรือ “สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหม ที่มีข่าวว่าอาจต้องหลุดเก้าอี้ แล้วไปนั่งในตำแหน่งประธานสภาฯ แทน ที่สุดแล้ว พรรคประชาชาติ ส่งสัญญาณแรงชัด ว่า “ไม่ยอม” 


     เช่นเดียวกันกับในรายของพรรคภูมิใจไทยเองที่มี 8 รัฐมนตรี นั่งประจำที่ ยังเจอข่าวลือว่า พรรคเพื่อไทย ต้องการเก้าอี้ “รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย” ไปถึงความต้องการแลกกระทรวง  แต่ที่สุดแล้ว ดูเหมือนว่า “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ต้องเล่นบทแข็ง ไม่รับข้อเสนอใดๆ ย้ำแล้วย้ำอีก ว่ารัฐมนตรีทั้ง 8คนในโควตาของพรรค จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง 


     การเดินหน้าผลักดันโครงการแจกเงินหมื่น ของพรรคเพื่อไทย จำเป็นต้องได้แรงหนุนจากพรรคร่วมรัฐบาล และในขณะเดียวกัน การปรับครม.รอบนี้ จะจบลงอย่างไร ที่ตรงไหน ว่าที่สุดแล้ว พรรคเพื่อไทยจะไม่รุกเข้าแดน กินโควตา รัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อชัดเจนแล้วว่า แรงหนุนที่ได้รับจากมติที่ประชุมครม. ต่อดิจิทัลวอลเล็ต นั้นเหนียวแน่นมากพออย่างที่เห็น !

  2. มอง “ลาบูบู้” แล้วเหลียวดูไทย

    ร้อยเอก ดร.จารุพล เรืองสุวรรณ

    อาจารย์ประจำสถาบันการทูตและการต่างประเทศ

    มหาวิทยาลัยรังสิต

    ล่าสุดเชื่อว่าทุกคนคงได้รู้จักกับเจ้า “ลาบูบู้” ปีศาจน้อยน่ารัก ที่หลายๆคนอยากได้มาครอบครองจนราคาพุ่งปรี๊ดดดดไปถึงดาวอังคาร เรียกได้ว่ากลายเป็นกระแสของสังคมกันไปเลยทีเดียว แต่ท่านรู้หรือไม่ครับว่าจริงๆแล้ว เรื่องนี้เป็นมากกว่าแค่เรื่องของตัวการ์ตูนที่ดูน่ารัก...วันนี้จะวิเคราะห์ให้อ่านกันครับ

    “ลาบูบู้” ที่เป็นกระแสกันในปัจจุบันนี้ จริงๆแล้วเป็นหนึ่งในสิ่งที่เรียกว่า “Character Toys” หรือบ้างก็เรียกว่า “Designer Toys” ซึ่งสิ่งที่อยู่เบื้องหลังน้องๆที่น่ารักเหล่านี้จริงๆแล้วมีสิ่งที่เรียกว่า “Licensing Business” หรือธุรกิจ “ลิขสิทธิ์” นั่นเองครับ

    ตัวการ์ตูนน่ารักๆเหล่านี้จะถูกออกแบบโดยศิลปินต่างๆ ให้ออกมามีรูปร่างหน้าตาที่น่ารักโดนใจ และมักจะมีเอเยนซี่ซึ่งอาจเป็นตัวศิลปินเอง หรือบริษัทตัวกลางที่รวบรวมน้องๆการ์ตูนหลายๆตัวไว้เพื่อช่วยทำการตลาด โดยเฉพาะการเสนอขายไปยังบริษัทอื่นๆ ซึ่งโดยมากเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ รวมถึงการบริหารจัดการผลประโยชน์

    คอนเซปต์ง่ายๆ ก็คือว่า ถ้าตัวการ์ตูนตัวนั้นดัง ผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆก็จะมาซื้อลิขสิทธิ์ของน้องเหล่านี้เพื่อเอาหน้าน้องไปใส่ไว้ในผลิตภัณฑ์หรือโฆษณาของตนเอง เป็นการดึงดูดลูกค้าให้มาซื้อของๆตน ซึ่งก็อาจทำออกมาในรูปแบบของแพ็กเกจจิ้งพิเศษ สินค้า limited edition หรือของพรีเมียม ที่เอาไว้แถมเวลาซื้อสินค้าหรือบริการ ซึ่งรายละเอียดวิธีการก็แล้วแต่กลยุทธ์ของแต่ละบริษัทจะออกแบบกันไป

    เพื่อให้เข้าใจภาพง่ายขึ้น ลองนึกถึงน้อง “Hello Kitty” หรือ “โดราเอม่อน” ก็ได้ครับ น่าจะเป็นสิ่งที่คุ้นหน้าคุ้นตาคนไทยกันเป็นอย่างดีและอยู่มาอย่างยาวนาน สินค้าใดที่มีหน้าน้องคิตตี้หรือโดเรม่อนอยู่ก็มักจะทำให้คนที่ผ่านไปผ่านมาเห็นร้องว่า “งู้ยยยยยยยยย น่าร้ากกอะ” แล้วก็อาจกลายร่างเป็นลูกค้าได้ไม่ยาก...บางทีซื้อมาแล้วยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเอาไปทำอะไร ฮ่าๆๆ แต่ก็โดนตกไปแล้วตามระเบียบ ลาบูบู้และน้องๆที่น่ารักทั้งหลายเหล่านี้ ก็มักจะออกมาเป็นรูปแบบของของเล่น ฟิกเกอร์ตัวเล็กๆ รวมถึงกล่องสุ่ม ให้คนได้สะสมกันซึ่งก็เป็นส่วนสำคัญของการสร้างความนิยมชมชอบและฐานแฟนคลับให้แก่ตัวการ์ตูนตัวนั้นๆ

    ประเด็นที่น่าสนใจคืออะไร?

    สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ “พลัง” ของน้องๆเหล่านี้ครับ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนมองไม่เห็น

    ท่านทราบหรือไม่ครับ ว่าทุกครั้งที่มีการซื้อสินค้าที่มีหน้าตัวการ์ตูนลิขสิทธิ์เหล่านี้ ยกตัวอย่างน้องคิตตี้ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไรจากมุมไหนของโลก ที่เป็นสินค้าลิขสิทธิ์แท้ แล้วมีหน้าน้องคิตตี้อยู่ เงินส่วนแบ่งจำนวนหนึ่งจะถูกส่งกลับไปยังบริษัทแม่ในรูปแบบของสิ่งที่เรียกว่า “ค่าลิขสิทธิ์” ซึ่งเป็นเงินปริมาณมหาศาลมากๆในแต่ละปี นี่คือการ “ดูดเงินจากกระเป๋าคนทั้งโลก” อีกวิธีหนึ่ง

    นอกจากนี้ เมื่อน้องเหล่านี้มีแฟนคลับ แฟนคลับเหล่านี้ ก็จะดั้นด้นอยากจะไปเจอน้อง ไปซื้อสินค้าของน้องๆ ที่หาไม่ได้ในประเทศตน หรืออาจเป็นเวอร์ชั่นพิเศษต่างๆ เป็นเหตุให้เราเห็นภาพคนไทยจำนวนไม่น้อยเก็บเงินเก็บทองบินไปญี่ปุ่นเพื่อไปหาน้องคิตตี้ หรือเช่นเดียวกันกับปรากฏการณ์ลาบูบู้ ที่วันนี้คนไทยหลายคนจองตั๋วเครื่องบินไปจีน ฮ่องกง เพื่อไปร้าน POP MART กันเรียบร้อยแล้ว ถามว่าไปแล้วไปแค่ตามหาน้องหรือครับ? แน่นอนว่าก็ต้องใช้จ่ายทั้งค่ากินค่าอยู่ค่าเดินทาง แถมอาจจะยังช้อปปิงอื่นๆอีกเพียบ ประเทศต้นทางก็หนีไม่พ้นจะได้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไปแบบเต็มๆ

    ที่ผมกล่าวมาข้างต้นนี่แหละครับ “พลัง” ของน้อง หรือถ้าให้เรียกให้เต็มก็ต้องบอกว่า...นี่แหละครับคือ “Soft Power” เพราะมันมีพลังมากพอที่จะทำให้คนชาติอื่นรัก ชื่นชอบ และยอมเสียเงินเสียทองเพื่อสนับสนุน “สินค้า” ทั้งในมิติของผลิตภัณฑ์และมิติของทรัพย์สินทางปัญญาของศิลปิน อย่างน้อยก็ผ่านค่าลิขสิทธิ์ อีกทั้งยังจ่ายเงินจ่ายทองไปเที่ยวเพื่อไปเจอน้องๆ กลายเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวและ “ผลประโยชน์ของชาติทางเศรษฐกิจ” ของประเทศนั้นๆ อีกต่อหนึ่ง

    หรือนี่คือหนึ่งสิ่งที่ประเทศไทยควรผลักดัน?

    เพราะนี่คือสิ่งที่ประเทศไทยสามารถทำได้เช่นกัน เรามีศิลปินเก่งๆ จำนวนมาก หากแต่ต้องได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจัง ในมิติการออกแบบ อาจจำเป็นต้องขยับออกจากมิติทางวัฒนธรรมบ้าง เพราะในกรณีนี้สิ่งที่เราต้องการคือ Emotional Value ไม่ใช่ Functional หรือ Cultural Value ที่ผ่านมาเรามีตัวการ์ตูนลักษณะนี้เช่นกัน แต่ยังถูกจำกัดอยู่ที่ตัวละครที่สากลเข้าใจได้ยาก โดยมักผูกติดกับวัฒนธรรมหรือประวัติศาสตร์ เช่น หนุมาน เป็นต้น หากสร้างตัวการ์ตูนที่น่ารัก เป็นสากลและเข้าใจได้ง่าย เราก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น นึกภาพลาบูบู้เป็นตัวอย่างก็ได้ครับ น้องไม่ได้มีมิติวัฒนธรรมติดตัวมาแต่อย่างใด แต่กลับมีพลังมหาศาล “Sellable” ครับ ท่องไว้ๆ หลังจากนั้นรัฐก็ช่วยผลักดันไปออกงานต่างๆ เช่นงาน International Licensing Show ที่จัดขึ้นเป็นประจำ เพื่อเปิดตลาดออกไปยังต่างประเทศ

    นอกจากนี้ เรายังมีบุคลากรที่มีค่าของชาติจำนวนไม่น้อยที่พร้อมจะเป็นแรงส่งสำคัญ ปรากฏการณ์ลาบูบู้เป็นหนึ่งกรณีตัวอย่างที่ชัดเจน ปรากฏการณ์นี้เปรี้ยงปร้างขนาดนี้ได้เพราะมีน้องลิซ่าซึ่งเป็นบุคคลระดับโลกเป็นผู้จุดกระแส น้องลิซ่าจึงกลายเป็นตัวเร่งความนิยมที่มีพลังมหาศาลจนเกิดเป็นกระแสลาบูบู้ที่ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย ลองคิดกันเล่นๆ ครับว่า ถ้าวันหนึ่งลิซ่าได้มีโอกาสถือ “น้อง” สักตัว ที่คนไทยเป็นเจ้าของ ไม่แน่นะครับอาจจะเปรี้ยงปร้างจนมีทั้งเงินทั้งนักท่องเที่ยวไหลเข้าประเทศไทย กลายเป็น Soft Power ที่ดึงดูดคนทั่วโลกให้มาสนับสนุนผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของไทยบ้าง...ก็เป็นได้

    เอวัง

  3. ศรพระราม (24/04/67)

    “สยามรัฐ” ยืนหยัดอยู่บนบรรณพิภพ และสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ด้วยปณิธาน “นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ ปคฺคณฺเหปคฺคหารหํ” แปลว่า “พึงชมคนที่ควรชม พึงข่มคนที่ควรข่ม”...*...

    เดินเกมบีบปรับครม. สำหรับพรรคพลังประชารัฐ ที่ยังเหลือโควตารัฐมนตรี อีก 1 เก้าอื้ ที่ฟังเสียงล่าสุด จาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ออกมาปูดว่า “ลุงป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคส่งรายชื่อรัฐมนตรีใหม่ไปให้นายกฯแล้วหลายวัน…*…

    โดยยังคงยืนยัน “นัมเบอร์วัน” คือชื่อ ไผ่ ลิกค์ แต่ติดสำรองไปอีก 3 ชื่อคือ  อรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา  อนันต์ ผลอำนวย สส.กำแพงเพชร เขต 3 และ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีตรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ...*...

    แต่ถามว่า รอบที่แล้ว “ไผ่” ก็ไม่ผ่านเรื่องคุณสมบัติ แต่หากรอบนี้ผ่าน รัฐบาลหรือนายกฯ รวมทั้ง 4 หน่วยงานจะตอบคำถามสังคมอย่างไร และ หากจะปรับเพิ่มเข้ามาแค่ 1 เก้าอี้ จะ “ต้านทาน” แรงกระเพื่อมให้ขยับปรับครม. ทั้งในพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล อย่างไร...*...

    ว่าไปแล้วก็น่าเห็นใจ ในเมื่อบรรดารัฐมนตรีในชุดปัจจุบันนั้น ยังไม่มีใครได้ใช้งบประมาณเลย เพิ่งจะผ่านวุฒิสภาไปเมื่อเดือนมีนาคม ถ้าหากจะบอกว่า ปรับครม. เพราะประสิทธิภาพในการทำงาน หรือจะด้วยเหตุผลที่สวยหรูอย่างไร การปรับครม. ที่จะมีขึ้น ก็เพียง “แก้ปัญหาการเมือง” มากกว่า ประสิทธิภาพในการทำงาน...*...  

    ส่วนการเคลื่อนไหว ที่ดูคึกคักเป็นพิเศษสำหรับอดีต กปปส.อย่าง พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ที่ออกมาโพสต์ข้อความล่าสุด หลังสงกรานต์ 21 เมษายน 2567 ว่า “ขึ้นปีใหม่พ.ศ.2567บ้านเมืองไทยวันนี้ เราคงไม่ต้องพูดเรื่องการแบ่งสีแบ่งฝ่ายอีกต่อไป เพราะวันนี้มันเลยจุดนั้นมาไกลมาก คนที่เคยร่วมต่อสู้กันมาเข้าใจดีอุดมการณ์ของเรายังคงอยู่ วันนี้…เรายืนอยู่บนจุดที่แบ่งฝ่ายกันระหว่างความถูกต้อง กับ ความไม่ถูกต้องของบ้านเมือง การนิ่งเฉยดูดายกับกระบวนการยุติธรรมสองมาตราฐาน ประเทศจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ถ้ายังไม่มีคำตอบใดๆให้กับประชาชน อภิสิทธิ์ชน เทวดา ต้องไม่มีในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ จะทำให้ประเทศล่มสลาย สังคมอ่อนแอ โจรจะเหิมเกริม เดินตัวใหญ่คับแผ่นดิน ถ้าประชาชนนิ่งเฉย ยอมรับกับสิ่งนี้ อนาคตลูกหลานเราจะอยู่กับแบบไหน สอนลูกหลานกันอย่างไร สุดท้ายก็จะไปโยนความผิดให้คนรุ่นใหม่ว่าทำไมมีความคิดก้าวหน้า ก้าวไกลเกินไป คงต้องกลับมาดูว่าคนรุ่นเราวางตัวอย่างกันไว้อย่างไร ส่งต่อบ้านเมืองแบบไหนให้คนรุ่นหลัง #อย่าให้มันพังที่รุ่นเรา #ส่งต่อบ้านเมืองดีๆให้รุ่นลูก #คิดดีทำดี #เงยหน้าไม่อายฟ้าก้มหน้าไม่อายดิน” ...*...

    หยั่งเสียง หยั่งอารมณ์ประชาชน ที่ไม่ทนกับ “ระบอบทักษิณ” ภาค 2 มีความกรุ่นอยู่ภายใน แต่อาการกระเพื่อมไหวนี้ อาจเป็นเพียง “สายลมที่พัดผ่านไป”  เพราะ “หัวไม่ส่าย หางก็ไม่กระดิก” เมื่อระดับบน ดีลยังเดินสะดวก และแต้มต่อของพรรคก้าวไกลยังเป็นต่อในสถานการณ์ ฉะนั้นต่อให้ร้องแรกแหกกระเชออย่างไร ก็ยากที่จะจุดติด …*…

    ทีเอ็มบีธนชาต มุ่งขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็นผู้นำการธนาคารเพื่อความยั่งยืน ที่ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่พร้อมที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง และสร้างสิ่งดี ๆ คืนสู่สังคม เปิดพื้นที่แห่งการ “ให้” อย่างแท้จริง เดินหน้าจัดกิจกรรม “The Hall of Giving” ประจำปี 2567 พร้อมเชิญชวนคนไทย ร่วมกันเปลี่ยนแปลงสังคมผ่านกิจกรรมการ “ให้” หลากหลายรูปแบบ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 - 26 เม.ย. ที่ ทีทีบี แบงก์กิ้ง ฮอลล์ …*…

    พฤหัสบดีที่ 25 เม.ย. เวลา 18.00 น. ภญ.กิตติวรรณ รัตนจันทร์ ผู้บริหารสูงสุด บริษัท เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย และสิงคโปร์ จัดงาน “Ultherapy Seenomenon Fest” ปรากฏการณ์ความสวยที่สัมผัสได้ด้วยตา ฉลองความสำเร็จ Ultherapy® นวัตกรรมเครื่องยกกระชับเดียวที่มีหน้าจอเห็นชั้นผิวจริง ครบ 2.6 ล้าน ทรีตเมนต์ทั่วโลก และติดตั้ง 600 เครื่อง ครอบคลุม 46 จังหวัดทั่วประเทศไทย ที่บล็อกไอ สยามสแควร์...*...

    ข่าวสังคมทั่วไป ประจำวันพุธที่ 24 เม.ย. เวลา  08.40 น. นพ.สถิตย์ นิรมิตรมหาปัญญา ผอ.สถาบันวิจัยและประเมินเทคโนโลยีทางการแพทย์ กรมการแพทย์ เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง ทักษะการสื่อสาร และการนำเสนอที่น่าประทับใจ จัดโดย สถาบันวิจัยและประเมินเทคโนโลยีทางการแพทย์ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ที่ห้องเอราวัณ 2 โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น …*…

    ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไป ศักดิ์ดา นพเกตุ สวดพระอภิธรรมศพ ศาลา 2 วัดมกุฎกษัตริยารามฯ ถึง 27 เม.ย. รุ่งขึ้น ฌาปนกิจ เวลา 18.30 น.

     

     

    องค์กรสีขาว...พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด “องค์กรสีขาว เพื่อย่างก้าวที่ยั่งยืน” ระหว่าง กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ป.ป.ส.และ ซีพีเอฟ เป็นต้นแบบองค์กรปลอดยาเสพติดตามหลักเกณฑ์โรงงานสีขาวได้มาตรฐานสากล  โดยมี ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ โสภา เกียรตินิรชา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และ พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาฯ ป.ป.ส. ร่วมลงนาม  ที่ห้องประชุมกระทรวงแรงงาน

    สัมมนาวิชาการ...ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดการสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง การพัฒนาภาคเกษตรไทยเพื่อยกระดับมาตรฐานสู่เวทีระดับโลก”เนื่องในวันสถาปนากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครบรอบ 132 ปี โดยมี ดร.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ สมบัติ อำนาคะ นวนิตย์ พลเคน ร่วมงาน พร้อมกันนี้ ดร.อัศวิน อิงคะกุล ประธาน มิราเคิล กรุ๊ป และ ปริญญา หงส์เลิศลักษณ์ ให้การต้อนรับ ที่โรงแรม อัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น

    กลยุทธ์การพัฒนา...ศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา เป็นประธานเปิดงานการเสวนาและการจัดนิทรรศการการสรุปผลการดำเนินงาน “ 6 ทิศทาง 6 กลยุทธ์การพัฒนา ถอดบทเรียนสู่การบริหารจัดการแรงงานที่ยั่งยืน” จัดโดย คณะกรรมธิการแรงงาน วุฒิสภา โดยมี ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ จรินทร์ จักกะพาก พล.ร.อ.พัลลภ ตมิศานนท์ ณรงค์ รัตนานุกูล และ จิรชัย มูลทองโร่ย ร่วมงาน ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น

    แลกเปลี่ยน...วิสูตร วัจนะเสถียรกุล อธิบดีศาลปกครองเชียงใหม่ สาทิตย์ วงศ์ชัย ผอ.สำนักงานศาลปกครองเชียงใหม่ และ ปาริชาต หาดพิชัย ผอ.กลุ่มบริหารทั่วไป ให้การต้อนรับ นพ.กิตต์กวี โพธิ์โน ผอ.โรงพยาบาลสวนปรุง พญ.หทัยชนนี บุญเจริญ ผอ.สถาบันพัฒนาเด็กราชนครินทร์ และ ว่าที่ร้อยโทโฆษิต กัลยา ผอ.ศูนย์สุขภาพจิตที่ 1 ในโอกาสพบปะและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในการดำเนินกิจกรรมด้านสุขภาพจิต เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเจ็บป่วยทางจิตใจและมีความสุขในการทำงาน อันจะส่งผลต่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ที่อาคารศาลปกครองเชียงใหม่

    ธารน้ำใจ...วิเชียร เตชะไพบูลย์ ปธ.กก.มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เป็นประธานในพิธีมอบเงินสงเคราะห์ผู้ป่วยที่ขาดแคลนแก่โรงพยาบาล และหน่วยงานสาธารณสุข ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และ จังหวัดใกล้เคียง จำนวน 36 แห่ง โดยมี ผู้แทนแต่ละแห่งเป็นผู้แทนรับมอบ และมี วิรุฬ เตชะไพบูลย์ สัก กอแสงเรือง วิชิต ชินวงศ์วรกุล จารุรัตน์ คุณัตถานนท์ พร้อมด้วย คณะกรรมการ ผู้ช่วยกรรมการมูลนิธิฯ ร่วมพิธี ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย

    เตรียมจัดงาน...อารยา อรุณานนท์ชัย ประธานคณะกรรมการกองทุนดอกแก้วกัลยา สมาคมสภาสังคมสงเคราะห์ฯ จัดประชุมคณะกรรมการเพื่อเตรียมจัดงานครบรอบวันประสูติ 101 ปีสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยมี วินา ตะวัน พนิดา ชอบวณิชา วิไลวรรณ ถมยา พรทิพย์ ตั้งบรรยงค์  และ ทิพวัฒน์ จลานันทวงศ์ ร่วมประชุม ที่โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน กรุงเทพฯ เมื่อวันก่อน

    แห่งแรกในไทย...ธีรพงศ์ รอดลอย ผจก.ส่วนภูมิภาค เวิร์นส์ ออโตโมทีฟ ประเทศไทย ปรีติ ศรีสวัสดิ์ ผจก.แบรนด์และฝ่ายขาย Lotus Cars Thailand และ คาเทียร์ ซาเวียโลว่า หัวหน้าส่วนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โลตัสกรุ๊ป จัดงานเปิดตัว Lotus Cars Thailand แฟลกชิปสโตร์เป็นแห่งแรกในประเทศไทย โดยมี เกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา จาตุรนต์ โกมลมิศร์ และ ประพงษ์ ไม้เจริญ ร่วมยินดี ที่ Lotus Cars Thailand แฟลกชิปสโตร์ ชั้น 2 เอ็มสเฟียร์ เมื่อวันก่อน

    มหกรรมวิชาการ...ซังฮี โคว ปธ.บห./กก.ผจก. ซัมซุง ประกันชีวิต (ประเทศไทย) เป็นประธานเปิดงาน มหกรรมวิชาการพิเศษ Kick Off มหาสงกรานต์  บริษัท ซัมซุง ประกันชีวิต (ประเทศไทย) โดยมี มิงยู อัน และ จีอึน ลิม ร่วมงาน พร้อมกันนี้ อนัคพล อิงคะกุล รองประธาน มิราเคิล กรุ๊ป เทอดศักดิ์ ปวิธพาณิชย์ และ ยอดรัก สุนทรวรรณ ให้การต้อนรับ ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น เมื่อวันก่อน

    ยกเพื่อนขึ้นบก...สุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณา เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป และ ทรงวิทย์ ศรีธรรม ผู้บริหารสูงสุด ผลิตภัณฑ์น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง พร้อมด้วยเหล่าพันธมิตร เปิดเวที “Movie On The Beach ครั้งที่ 9” ตอน...ยกเพื่อนขึ้นบก ชมภาพยนตร์ พร้อมฟินไปกับศิลปิน 6 วง ร่วมกันส่งความสนุก บนเวทีที่ใหญ่ที่สุดริมชายหาด Triple Tree Beach Resort ชะอำ เพชรบุรี เมื่อวันก่อน

    คว้า 6 รางวัล...อธิศ รุจิรวัฒน์ กก.ผจก.เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส  สมหวัง โตรักตระกูล กก.ผจก.บัตรกรุงศรีอยุธยา และ อธิป ศิลป์พจีการ ผู้ช่วย กก.ผจก.ใหญ่ สายงานบริหารธุรกิจกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ บ อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส เป็นตัวแทนกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้นำในธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล คว้า 6 รางวัลใหญ่ จากงาน Retail Banker International Asia Trailblazer Awards 2024 จัดขึ้น ที่ประเทศสิงคโปร์

     

  4. กฎเหล็กไกลหนี้ 50+

    ในช่วงวัยใกล้เกษียณ นอกจากจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม ภาระทางการเงินต่างๆก็จำเป็นต้องวางแผนระยาวอย่างรอบคอบและเตรียมพร้อมรับมือกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ โดยเฉพาะภาระหนี้สิน ที่ไม่มีใครอยากเกษียณไปแล้วยังคงมีหนี้ท่วมหัว

    เพจทางการธนาคารแห่งประเทศไทย เผยกฎเหล็กสำคัญ 3 ข้อสำหรับคนวัย 50 + ต้องทำคือการไม่เพิ่ม “ภาระหนี้” เพราะเหลืออีกไม่กี่ปีก็เกษียณแล้ว ไม่ค้ำประกันใคร ไม่ก่อหนี้ใหม่ ไม่ไปเป็นลูกหนี้ร่วม ไม่ปล่อยปัญหาหนี้บานปลาย หากจ่ายไม่ไหว ให้รับเจรจากับเจ้าหนี้

    ส่วนถ้าใครยังมีปัญหาหนี้สินที่ยังค้างคาอยู่ ต้องรีบหาทางแก้ไขให้จบโดยเร็ว ลองเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อหาทางออกร่วมกัน

    ทั้งนี้เว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย ยังให้แนวทางแก้ปัญหาหนี้ 2 แนวทาง คือ ขอปรับโครงสร้างหนี้ ตั้งแต่ยังไม่เป็นหนี้เสีย

    - ครอบคลุมทั้งลูกหนี้รายย่อย และ SMEs เช่น สินเชื่อบ้าน บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเพื่อประกอบอาชีพ (Nano finance) สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ

    - ขอปรับโครงสร้างหนี้ได้ทั้งก่อนเป็นหนี้เสีย (non-NPL) และหลังเป็นหนี้เสีย (NPL)

    - หากเป็น NPL มีเวลาให้พิจารณาแผนปรับโครงสร้างหนี้ อย่างน้อย 60 วัน ก่อนถูกโอนขายหนี้

    - วิธีปรับโครงสร้างหนี้ เช่น ขยายระยะเวลาผ่อน ลดอัตราผ่อนจ่ายช่วงแรก จะพิจารณาโดยเจ้าหนี้ ตามความสามารถชำระหนี้และเงินคงเหลือดำรงชีวิต และเข้าโครงการคลินิกแก้หนี้

    - แก้หนี้เสีย บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคล ที่ค้างชำระเกิน 120 วัน

    - รวมแก้หนี้ในครั้งเดียวได้ หากมีเจ้าหนี้หลายแห่ง ยอดหนี้รวมไม่เกิน 2 ล้านบาท

    - ลดดอกเบี้ย เหลือ 3%-5% ต่อปี และเปลี่ยนเป็นผ่อนจ่ายรายงวด สูงสุด 10 ปี

    - ลูกหนี้ต้องมีรายได้ อายุไม่เกิน 70 ปี และไม่เป็นบุคคลล้มละลาย

    อย่างไรก็ตาม หลักการดังที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ไม่จำเป็นต้องรอให้อายุถึง 50 + ค่อยทำแต่จำเป็นต้องเริ่มทำไม่ว่าจะมีอายุเท่าไหร่ หากเริ่มมีภาระหนี้

  5. เช็ค “กองหนุน” แจกเงินหมื่น !

     น่าสนใจว่า หลังจากการเทศกาลสงกรานต์ผ่านพ้น เป็นต้นมา บรรยากาศทางการเมือง รุมเร้า “พรรคเพื่อไทย” ไปแทบทุกทาง ทั้งการปรับครม. ที่ต้องหาทางเปลี่ยน เพื่อให้เกิดความสมดุล ระหว่างการเมือง “ภายในพรรค” ขนานไปกับ การรักษาความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาล ที่กำลังกอดคอทำงานร่วมกัน เมื่อการปรับเก้าอี้รัฐมนตรีในบางกระทรวงอาจจะต้องไปกระทบกับ ตำแหน่ง รัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลกันบ้าง 


     เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดกรณี “หนังตัวอย่าง” เมื่อ พรรคเพื่อไทย พยายามแก้ปัญหาภายใน จัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี ไปจนถึงการ “ปรับออก” พ้นครม. ซึ่งมีชื่อ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” รมว.สาธารณสุข กับ “สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหม จะถูกดึงออกไปทำงานที่สภาฯ โดยมีเก้าอี้ “ประธานสภาฯ” อันมี “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” แกนนำพรรคประชาชาติ นั่งทำหน้าที่อยู่


     จึงไม่ต้องแปลกใจที่จะเห็นว่า งานนี้นอกจากพรรคประชาชาติ จะไม่ยอมเล่นตามเกมของพรรคเพื่อไทย ด้วยการปล่อยเก้าอี้ ประธานสภาฯ แล้ว ยังตอบโต้กลับอย่างตรง ตรงไปในท่วงทำนองว่า “ไม่เห็นด้วย”  เพราะตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นเรื่องของสภาฯ ไม่เกี่ยวกับการปรับครม.

     
     แต่ที่สำคัญไม่แพ้การปรับครม. จาก “เศรษฐา1” ไปสู่ “เศรษฐา 2” คือโจทย์ที่พรรคเพื่อไทยต้องการคุมกระทรวงด้านเศรษฐกิจ อย่างเบ็ดเสร็จ ต้องการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อปากท้องประชาชน ตามที่ได้หาเสียงเอาไว้ และเหนืออื่นใด ยังต้องไม่ลืมว่า “งานใหญ่” อย่างการผลักดันโครงการดิจิทัลเวอลเล็ต ในวันนี้ยังเดินไปไม่สุดทาง ! 
     แม้จะเสียงต่อต้าน เสียงวิพากษ์วิจารณ์ จากทั้งฝ่ายการเมือง ฝ่ายค้านไปจนถึง “นักเศรษฐศาสตร์” ต่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่เสียงต้าน “รอบนอก” นั้นยังอาจไม่เท่ากับ “แรงหนุน” จาก พรรคร่วมรัฐบาลที่มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด ว่าจะร่วมกันกอดคอไปกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะด่านการให้ความเห็นชองจากบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลนั้นถือว่าเป็นด่านสำคัญ 


     ด้วยเหตุนี้ เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง จึงเรียก “แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล” เข้าหารือร่วมกันบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อ “เช็คเสียง” ประเมินท่าที การสนับสนุนก่อนที่จะนำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เข้าสู่ที่ประชุมครม. ในเช้าวันนี้ (23 เม.ย.67)ให้เห็นชอบร่วมกัน 
     และดูเหมือนว่า ท่าทีจากพรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาชาติ หลังการหารือร่วมกัน ออกมาในทิศทางที่เป็น “บวก” มากกว่า “ลบ”

     
     การปรับครม. อาจขยับเวลาออกไปก่อน ช้าหรือเร็ว นาทีนี้ยังสำคัญน้อยกว่า ความชัดเจนในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต อันถือเป็นตัวชี้เป็น ชี้ตาย ของพรรคเพื่อไทย !